หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การธำรงอัตลักษณ์คือการธำรงไว้ซึ่งชาติพันธุ์และศาสนา

2011-11-23 05:26:10
ตูแวดานียา มือรีงิง

การเดินทางของข้าพเจ้าจากสามจังหวัดชายแดนใต้ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความรุนแรงทั้งยิงรายวันและระเบิดจนกลายเป็นเหตุการณ์ปกติไปแล้วในภาคใต้สู่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้แตกต่างกับทุกครั้ง เนื่องจากการเดินทางในครั้งนี้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้เดินทางร่วมกับผู้เข้าร่วมโครงการประชาหารือและแลกเปลี่ยนข้ามวัฒนธรรมอีกประมาณ 20 กว่าชีวิต ที่มาจากหลากหลายอาชีพและวัยวุฒิที่ต่างกัน มีทั้งตัวแทนหน่วยงานรัฐในพื้นที่อาทิ รอง ผอ.ศอ.บต. ภาคประชาสังคม นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น  ปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการ กวีซีไรต์ นักการเมืองท้องถิ่น และสื่อมวลชน 

เราเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่สู่จังหวัดเชียงใหม่โดยสายการบินแอร์เอเชีย ทุกคนที่เดินทางมาเชียงใหม่ในครั้งนี้พกความหวังและเปี่ยมไปด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ในการที่จะร่วมหาทางแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะในการธำรงอัตลักษณ์ในสังคมพหุวัฒนธรรม: วิถีสู่สันติภาพชายแดนใต้ โครงการนี้จัดโดยมูลนิธิเอเชีย ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย  2554

ทำไมการสัมมนาเกี่ยวการแก้ปัญหาภาคใต้มูลนิธิเอเชียต้องมาจัดไกลถึงเชียงใหม่ คุณอ้นหรือสันติ ดินแดน ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการได้อธิบายให้ฟังว่า การเลือกจังหวัดเชียงใหม่นั้นเนื่องจากเชียงใหม่เป็นจังหวัดหนึ่งที่ประวัติศาสตร์ความเป็นมาคลายคลึงกับสามจังหวัดคือเคยเป็นอาณาจักรของตัวเองเหมือนกับสามจังหวัด มีภาษาเป็นของตัวเอง และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวโดยตรงเช่น อาจารย์ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา ผศ.ดร.สุชาติ เศรษฐมาลินี สถาบันศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ และนางสาวลาเคละ จะทอ ผู้แทนจากเครือข่ายสตรีชนเผ่าแห่งประเทศไทย เป็นวิทยากร ที่สำคัญผู้จัดต้องการพาผู้เข้าร่วมออกจากพื้นที่ความขัดแย้ง ปลดปล่อยความเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

กิจกรรมแรกก็น่าสนใจแล้วโดยการแนะนำตัวเองของผู้เข้าร่วมทุกคนว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน เพื่อสร้างความใกล้ชิดและความเป็นกันเอง จากการแนะนำตัวเองทำให้สามารถสลายความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศเป็นกันเองได้มาก นอกจากแนะนำว่าเป็นใคร ทำงานอะไร ผู้เข้าร่วมต้องบอกด้วยว่าคาดหวังอะไรจากการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ มีหลายๆ ท่านมีความเป็นมาทางชาติพันธุ์ที่น่าสนใจและหลากหลาย เช่นบางคนพ่อเป็นเป็นมลายูปัตตานี แม่เป็นชาวกรุงเทพ ตากับยายเป็นมอญ บางคนสับสนในการเป็นตัวตนของตัวเอง

นอกจากความรู้ที่ได้จากเวทีแล้วผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสลงไปสัมผัสกับชุมชนที่มัสยิดบ้านฮ่อตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเชียงใหม่ติดกับตลาดไนท์บาซาร์  สาระสำคัญและสิ่งที่เห็นชัดเจนของชุมชนมุสลิมที่นี่คือความเข้มแข็งของชุมชนมุสลิมจีน การรักษาอัตลักษณ์ชาติพันธุ์จีนคือการพูดภาษาจีน สอนภาษาจีน อ่านคุตบะฮด้วยภาษาจีน สิ่งประทับใจคือการกล่าวต้อนรับของท่านอิหม่ามด้วยภาษาจีนและมีล่ามแปล

นอกจากนั้นสิ่งที่เราไม่ค่อยเห็นในสังคมสามจังหวัดคือการใช้พื้นที่มัสยิดอย่างครบวงจรทั้งเป็นศูนย์การละหมาด เป็นสถานศึกษา ศูนย์อบรม สถานที่จัดกิจกรรม และที่สำคัญมากคือการบริหารมัสยิดที่เป็นระบบและมีเงินหมุนเวียนในการเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการบริหารโรงเรียนและมัสยิด มัสยิดบ้านฮ่อเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สร้างบรรยากาศแห่งอิสลาม

ประเด็นสำคัญอาคารมัสยิดและอาคารโรงเรียนห้าชั้นที่โดดเด่นใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 30 ล้านบาทเป็นเงินบริจาคของมุสลิมทั้งในประเทศไทยและจากมุสลิมในมลฑลยูนาน และไม่มีเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐบาลไทยเลย รายได้หลักของมัสยิดนอกจากเงินบริจาคแล้วมัสยิดมีอาคารพาณิชย์ให้เช่าและนำเงินตรงนี้มาบริหารจัดการมัสยิดและโรงเรียน

หากมัสยิดในพื้นที่มีอิหม่าม คอเต็บ บิลาล และคณะกรรมการมัสยิดในพื้นที่มีวิสัยทัศน์และเล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหารมัสยิดและโรงเรียนโดยไม่ต้องแบมือรอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐเพียงอย่างเดียวน่าจะเป็นสิ่งที่ดีและพัฒนามัสยิดและโรงเรียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของมัสยิดได้อย่างครบถ้วนสังคมสามจังหวัดสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้

“การธำรงอัตลักษณ์ของแต่เผ่าพันธุ์คือการธำรงไว้ซึ่งภาษา วัฒนธรรม ศาสนาและมาตุภูมิให้คงอยู่ตลอดไป”
http://thai.amannews.org/view/view.php?id=946

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น